หน้าหลัก / ข้อหารือสรรพากร / ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีโครงการการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐด้านสุขภาพ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีโครงการการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการรัฐด้านสุขภาพ
วันที่เอกสาร
15 พฤษภาคม 2561
เลขที่หนังสือ
กค 0702/พ./3737
เลขตู้
81/40664
ข้อกฎหมาย
มาตรา 81 (1) (ญ) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ
2. รายได้ที่โรงพยาบาลฯ ได้รับเป็นค่าบริการรักษาพยาบาล คือ เงินเหมาจ่ายจากกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและกองทุนประกันสังคม สิทธิสวัสดิการข้าราชการ โดยผู้ป่วยในตามระบบ กลุ่มวินิจฉัยโรค (DRG) ผู้ป่วยนอกตามอัตราที่กำหนดจากกรมบัญชีกลางและผู้ที่จ่ายเงินเอง ส่วนรายรับที่โรงพยาบาลฯ ต้องแบ่งจ่ายให้เอกชนเป็นการจ่าย ตามปริมาณการใช้งาน (Usage based payment) และผลการดำเนินงาน (Performance based payment) ตามตัวชี้วัด (KPI) โดยมีข้อตกลงราคาตามสัญญาที่กำหนด ซึ่งนำมาจากผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนการจัดตั้งศูนย์การตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
3. กระทรวงฯ มีความประสงค์จะดำเนินการโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบริการสาธารณะและเป็นโครงการที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2558 - 2562 และเพื่อให้กระทรวงฯ สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จึงขอหารือดังนี้
(1) เอกชนเป็นผู้จัดหาเครื่องมือและติดตั้งในโรงพยาบาลฯ และให้บริการผู้ป่วย โดยโรงพยาบาลฯ เป็นผู้เก็บค่าบริการจากผู้ป่วย กรณีดังกล่าวเอกชนต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อย่างไร (2) โรงพยาบาลฯ แบ่งรายรับที่ได้จากค่าบริการผู้ป่วยให้กับเอกชนซึ่งร่วมลงทุน โดยเอกชนเป็นผู้จัดหาเครื่องมือและติดตั้งในโรงพยาบาลฯ และให้บริการผู้ป่วย กรณีดังกล่าวเอกชนต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย
2. โรงพยาบาลฯ กับเอกชนร่วมลงทุนในการจัดบริการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเอกชนผู้ร่วมลงทุนรับผิดชอบในการออกแบบและปรับปรุงพื้นที่สำหรับการให้บริการจัดหาติดตั้งทดสอบการใช้งานดำเนินการ บำรุงรักษา รวมทั้งการรายงานผลการอ่านภาพการตรวจให้ได้ตามที่กำหนด และได้รับส่วนแบ่งรายได้สำหรับการให้บริการดังกล่าวจากโรงพยาบาลฯ หากเอกชนที่ร่วมลงทุนมิได้จดทะเบียนเป็นสถานพยาบาล ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลในโรงพยาบาลฯ การให้บริการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลฯ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ตามมาตรา 81 (1) (ญ) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้นรายรับจากส่วนแบ่งจากการให้บริการที่เอกชนผู้ร่วมลงทุนได้ทำสัญญาร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลฯ จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
กรมสรรพากรแก้ไขล่าสุด
5 กรกฎาคม 2561
Tag :
ข้อหารือกรมสรรพากร