รับจดเครื่องหมายการค้า จด Trademark
จดทะเบียนโลโก้ จดลิขสิทธิ์โลโก้ จดแบรนด์สินค้า
ค่าบริการ 5,990 บาท รวมค่าธรรมเนียมทุกอย่าง !
# PROMOTION สำหรับ PACKAGE FAST TRACK เท่านั้น #
ไม่แน่ใจจดได้ไหม ซ้ำคนอื่นหรือไม่ ตรวจสอบ "เบื้องต้น" FREE
บริการของ THAI TAX LAW:
บริการของเจ้าอื่นในท้องตลาด:
5 ขั้นตอนการให้บริการจดทะเบียน Trademark
ต้องการจดเครื่องหมายการค้า ทำอย่างไร
Step 1 : ประเมินราคา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ( FREE )
แอดไลน์มาที่ @THAITAXLAW
1. แจ้งรายการสินค้า หรือ บริการ ที่ต้องการให้จดกับเครื่องหมาย (Logo)
2. ทีมงาน ประเมินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ทางลูกค้ารับทราบ (เผื่อกรณีมีการปรับเพิ่มลด)
Step 2 : ตรวจความเหมือนคล้ายเบื้องต้น ( FREE ) รู้ผลภายใน 10 นาที
1. ยืนยัน จำพวก และประเภท สินค้า/บริการ ที่ต้องการตรวจสอบ
2. ส่งภาพเครื่องหมาย (Logo) ที่จะให้ตรวจค้น เป็น ไฟล์นามสกุล JPG หรือ PDF
3. แจ้งรายการสินค้า หรือ บริการ ที่ต้องการให้จดกับเครื่องหมาย (Logo)
4. ทีมงานจะทำการ ตรวจสอบ"เบื้องต้น" (FREE) คือ หาว่า ข้อมูลซ้ำกับคนอื่นหรือไม่
== ตรวจสอบ"เบื้องต้น" การสะกดชื่อ (ถ้ามี) เช่น ชื่อแบรนด์ "สู้สู้" หรือ "SUSU" ว่าซ้ำคนอื่นไหมตามตัวอักษร
# แต่เมื่อชำระค่าบริการจริง จะมีการ ตรวจสอบ"แบบละเอียด" คือ ต้องตรวจสอบ ซู่ซู่/CUCU/XUXU/ZUZU ด้วย
== ตรวจสอบ"เบื้องต้น" ภาพสัญลักษณ์ของแบรนด์ (ถ้ามี) ว่าซ้ำใครหรือไม่ด้วยระบบ IMAGE SEARCH
# แต่เมื่อชำระค่าบริการจริง จะมีการ ตรวจสอบ"แบบละเอียด" คือ ประเมินด้วยผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง เนื่องจากความเป็นจริงแล้ว รูปกุญแจ หันซ้ายขวา ไม่เหมือนกัน ระบบอาจมองว่าไม่ซ้ำกับใคร แต่ในความเป็นจริง เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบ จะตัดสินใจเหมือนคล้ายคนอื่นอยู่ดี ไม่สามารถจดได้
== ตรวจสอบ"เบื้องต้น" ภายในจำพวก และประเภทที่ลูกค้าจะทำการจด
# แต่เมื่อชำระค่าบริการจริง จะมีการ ตรวจสอบ"แบบละเอียด" คือ ต้องตรวจสอบ ประเภทสินค้า/บริการ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย เพราะถึงแม้ทางเทคนิคแล้ว การคุ้มครองจะมีผลเฉพาะกับสินค้า/บริการที่จด แต่เจ้าหน้าที่ก็จะไม่รับจดทะเบียนสำหรับ สินค้า/บริการ ที่คล้ายคลึงกัน เช่นกัน
Step 3 : ชำระเงินพร้อมส่งสลิปเพื่อยืนยันการใช้บริการ และเตรียมเอกสารให้กับทีมงาน
เอกสารที่ต้องใช้เพื่อ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (TRADEMARK)
• สำหรับบุคคลธรรมดา
1. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของผู้ที่ต้องการถือสิทธิ
2. ที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสาร , เบอร์โทร และอีเมลที่สามารถติดต่อได้
3. หนังสือมอบอำนาจ ( ทีมงานจัดเตรียมให้ )
• สำหรับนิติบุคคล
1. สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน 6 เดือน)
2. ที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสาร , เบอร์โทร และอีเมลที่สามารถติดต่อได้
3. หนังสือมอบอำนาจ ( ทีมงานจัดเตรียมให้ )
Step 4 : แจ้งผล การตรวจสอบเหมือนคล้าย "อย่างละเอียด" และคำแนะนำแก้ไข (ถ้ามี)
ทีมงานจะทำการตรวจสอบความเหมือนคล้าย "อย่างละเอียด" ซึ่งหากพบปัจจัยเสี่ยงใดใดที่มีสิทธิ์ที่จะทำให้เกิดการจดทะเบียนไม่ผ่าน เสียเงินยื่นคำขอไปฟรีๆ หรือ อาจทำให้ระยะเวลาการพิจารณายืดยาวนานขึ้น ทีมงานจะทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบทันที และแนวทางแก้ไข หรือ ป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพื่อประโชน์สูงสุดกับทางลูกค้าเอง
Step 5 : ทีมงานยื่นเรื่องขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ภายใน 1 วัน หลังเอกสารครบถ้วน
หลังยื่นจดทะเบียน ทีมงานส่งเอกสารคำขออิเล็กทรอนิกส์ ก.01 ให้ลูกค้าทางอีเมล์ พร้อมติดตามสถานะให้ตลอด
ทั้งนี้ความเร็วในการอนุมัติจดทะเบียนขึ้นกับลำดับคิวในระบบของกรมทรัพย์สินทางปัญญา
Step 6 : ลูกค้ารอรับการแจ้งผลการพิจารณาเบื้องต้นของราชการทางไปรษณีย์
คำสั่งนายทะเบียนที่จะให้ความคุ้มครอง สั่งแก้ไข หรือ ปฏิเสธจะถูกส่งมาทางไปรษณีย์ที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งไว้
ซึ่งเมื่อได้รับแล้ว จะได้ส่งรหัสที่อยู่ภายในจดหมายให้ทีมงานใช้ในการยืนยันกับทางราชการต่อไป
************
• ผลพิจารณาเบื้องต้น (อนุมัติ) > ประกาศโฆษณา (2 เดือน) > ไม่มีผู้คัดค้าน > รอรับหนังสือสำคัญ (2 เดือน)
• ผลพิจารณาเบื้องต้น (ปฏิเสธ) = นายทะเบียนไม่รับจด > ไม่สามารถยื่นคำขอได้ จบการให้บริการ
• ผลพิจารณาเบื้องต้น (ปรับปรุง) = นายทะเบียนให้แก้ไข > ลูกค้ายืนยันรับการแก้ไข > รอรับผลพิจารณาใหม่
#กรณีมีคำสั่งให้ปรับปรุง และไม่ทำการยื่นข้อมูลแก้ไขภายในระยะเวลากำหนด จะมีสถานะปฏิเสธโดยทันที
Step 7 : รอรับหนังสือสำคัญ(Certificate) กรณีผลพิจารณาอนุมัติ และประกาศโฆษณาสำเร็จ
ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะออกเลขทะเบียน และส่งหนังสือสำคัญ (Certificate) ให้กับลูกค้าทางไปรษณีย์
ความเห็นจากลูกค้าของเรา
ข้อมูลรีวิว จริงจาก Google My BuSINESS




















































จดลิขสิทธ์โลโก้ จดทะเบียนโลโก้ กับ THAITAXLAW
สะดวก รวดเร็ว ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอน
ดูแลทุกขั้นตอน ครบวงจร
ตั้งแต่ต้น จนได้รับใบจดทะเบียน
สะดวก รวดเร็ว ยื่นใน 1 วันทำการ
เรายื่นคำขอเครื่องหมายการค้าภายใน 1 วันทำการหลังได้รับเอกสารครบถ้วน
ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ด้าน
ทั้งด้านการจดเครื่องหมายการค้า และด้านการออกแบบ
ตรวจเหมือนคล้าย FREE
เจาะลึกการตรวจทุกรูปแบบเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจก่อนยื่นจดทะเบียน
โอกาสจดสำเร็จกว่า 90%
เราจะยื่นจดก็ต่อเมื่อเรามั่นใจว่าเครื่องหมายการค้าของคุณมีโอกาสจดผ่านสูงเท่านั้น ถ้ามีความเสี่ยง เราจะแนะนำให้แก้ไขก่อน
ฟรี คลาสเรียนปกป้องแบรนด์
เสริมความรู้ เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของคุณเอง
จำพวก และประเภทสินค้า/บริการ เครื่องหมายการค้า
เรื่องต้องรู้ : วิธีการ แยกจำพวก และประเภทสินค้า/บริการ สำหรับจด เครื่องหมายการค้า
การที่เรานำ ภาพการออกแบบใด มาจดเป็น เครื่องหมายการ/บริการ นั้น จะมีค่าใช้จ่าย แปรผันตาม จำนวนของ จำพวก (CATEGORY) และ ชนิดของสินค้า/บริการใด (PRODUCT/SERVICE TYPE) ในจำพวกนั้นๆ
1. ยิ่ง จำพวก สินค้า และบริการ (CATEGORY) แตกต่างหลายประเภทมาก ค่าธรรมเนียมราชการก็ยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น
2. ยิ่ง ชนิดของสินค้า/บริการ (PRODUCT/SERVICE TYPE) ค่าธรรมเนียมราชการก็ยิ่งแพงขึ้น
(ถ้าหากอยู่คนละ จำพวก สินค้า และบริการ (CATEGORY) ด้วย ก็ยิ่งทำให้ค่าธรรมเนียมแพงขึ้นไปอีก)
เนื่องจากการจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/บริการนั้น จะให้ความคุ้มครองเฉพาะ ชนิดของสินค้า/บริการ (PRODUCT/SERVICE TYPE) ที่เราทำการจดทะเบียนเท่านั้น
กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้แบ่ง จำพวกสินค้าไว้ 45 จำพวกหลักด้วยกัน และแต่ละจำพวกมีชนิดสินค้า/บริการแตกต่างกันตั้งแต่ 100 ถึง 1,000 ชนิดภายในจำพวกเดียวกัน
ผู้ประกอบการหลายๆ ท่านเลยมักจะมีความคิดว่า จดให้ครอบคลุมครบๆ ไปเลยทีเดียวจะได้คุ้มครองทั้งหมด แต่ว่าลืมนึกถึงค่าธรรมเนียมราชการที่จะต้องจ่ายไป ดังนั้นควรที่จะพิจารณาความคุ้มค่า และความเสี่ยงในการลงทุนให้เหมาะสมกับความพร้อมของธุรกิจอีกด้วย
คลิกดูรายละเอียด จำพวกสินค้าทั้ง 45 จำพวก และข้อมูลสินค้า/บริการในแต่ละจำพวกได้ที่นี่
ค่าธรรมเนียม การจดเครื่องหมายการค้า จดแบรนด์สินค้า-บริการ
ค่าธรรมเนียมราชการ สำหรับ การจด TRADEMARK ภายในประเทศ ที่เกิดขึ้นมักจะมีด้วยการ 2 ส่วน
ส่วนที่ 1: ค่าธรรมเนียม การยื่นคำขอจดทะเบียน (ยื่นเรื่อง)
ซึ่งต้องชำระเมื่อทำการยื่นเรื่องทันที และจะไม่ได้รับคืนไม่ว่าจะได้รับการพิจารณาผ่านหรือไม่ก็ตาม ดังนี้
ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก 1 ถึง 5 อย่าง อย่างละ 1,000 บาท
ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก มากกว่า 5 อย่าง จำพวกละ 9,000 บาท (ไม่จำกัดชนิด)
ยกตัวอย่างเช่น
แบรนด์ A ต้องการยื่นจดเครื่องหมายการค้า เพื่อคุ้มครองสินค้า ทั้งหมด 2 จำพวก ได้แก่
A1 ) จำพวกแรก หมายเลข 25 : กลุ่ม เครื่องแต่งกาย เครื่องสวมใส่เท้า เครื่องปกคลุมศีรษะ
โดยสินค้าที่ต้องการคุ้มครอง คือ 1. กระเป๋า 2. หมวกแก้ป 3.เสื้อกีฬา ทั้งหมด 3 สินค้า
# เข้าเกณฑ์ ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก 1 ถึง 5 อย่าง อย่างละ 1,000 บาท
= ค่าธรรมเนียมจึงคำนวณได้เป็น 3,000 บาท
A2 ) จำพวกสอง หมายเลข 30 : กลุ่ม สินค้าอาหารที่ได้มาจากพืช และสิ่งที่ใช้เพื่อปรุงแต่งกลิ่นและรสอาหาร
โดยสินค้าที่ต้องการคุ้มครอง คือ 1.กาแฟ 2.ชา 3.โกโก้ 4.กาแฟเทียม 5.เส้นพาสต้า 6.เส้นก๋วยเตี๋ยว 7.ขนมปัง 8.ช็อกโกแลต 9.ไอศกรีม 10.น้ำตาล 11.น้ำผึ้ง 12.น้ำเชื่อม 13.ยีสต์ 14.ผงฟู 15.เกลือ ทั้งหมด 15 สินค้า
# เข้าเกณฑ์ ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก มากกว่า 5 อย่าง จำพวก ละ 9,000 บาท
= ค่าธรรมเนียมจึงคำนวณได้เป็น 9,000 บาท
ส่วนที่ 2: ค่าธรรมเนียม การรับจดทะเบียน (ได้รับอนุมัติแล้ว)
ซึ่งต้องชำระเมื่อได้รับการอนุมัติ และรับการคุ้มครอง ดังนี้
ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก 1 ถึง 5 อย่าง อย่างละ 600 บาท
ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก มากกว่า 5 อย่าง จำพวกละ 5,400 บาท (ไม่จำกัดชนิด)
กรณีของแบรนด์ A ยื่นผ่าน และได้รับการคุ้มครองทั้งหมด ดังนั้นมีค่าธรรมเนียมส่วนที่ 2 ดังนี้
A1 ) # เข้าเกณฑ์ ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก 1 ถึง 5 อย่าง อย่างละ 600 บาท
= ค่าธรรมเนียมจึงคำนวณได้เป็น 1,800 บาท
A2 ) # เข้าเกณฑ์ ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก มากกว่า 5 อย่าง จำพวก ละ 5,400 บาท
= ค่าธรรมเนียมจึงคำนวณได้เป็น 5,400 บาท
ค่าธรรมเนียม เพิ่มเติมอื่นๆ (ถ้ามี)
กรณีที่จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายอื่นๆ แบ่งได้สองประเด็นหลักๆ คือ
ก) อยู่ระหว่างการพิจารณา และต้องการยื่นแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้พิจารณาผ่าน หรือ ได้รับการคุ้มครองเพิ่ม/ลด อย่างไร
ข) ได้รับการพิจารณาผ่านไปแล้ว ต้องการยื่นแก้ไขข้อมูลเดิมที่จดทะเบียนสำเร็จไปแล้ว
ปัญหาที่มักพบ แล้วแนวทางแก้ปัญหา
ประเด็นยอดฮิตที่เจออยู่เป็นประจำ
ประเด็นที่ 1 : จดเหมาให้ครอบคลุม = ช้า และแพง
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จะให้การคุ้มครองเฉพาะเรื่องที่จดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น แบรนด์ A ทำเสื้อยืด จดคุ้มครองเสื้อยืด ก็ให้การคุ้มครองแค่นั้น จะบอกว่า คุ้มครองจนถึง กางเกงยีนส์ ไม่ได้ ถ้าต้องการให้คุ้มครอง กางเกงยีนส์ด้วย ก็ต้องจดคุ้มครองกางเกงยีนส์ด้วย
ดังนั้นยิ่งจด ประเภทรายการสินค้า/บริการ มากขึ้น ค่าธรรมเนียมราชการก็จะแพงขึ้นด้วย ซึ่งหากอยากทราบว่า จะแพงขึ้นแค่ไหน อย่างไร ก็ต้องเข้าใจวิธีการแบ่งแยกประเภทสินค้าให้ชัดเจนก่อนเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถย้อนกลับขึ้นไป > อ่านได้ที่นี่คลิกเลย <
นอกจากนี้ หากมีประเภทสินค้าที่จะจดคุ้มครองจำนวนมาก นอกจากจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแล้ว จะทำให้การพิจารณาตรวจสอบล่าช้าเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีหลายๆ ครั้งที่ผู้ประกอบการ "ยื่นเผื่อล่วงหน้า" เป็นร้อยชนิดสินค้า ซึ่งมักจะโดนเจ้าหน้าที่ร้องขอ Catalog สินค้า หรือ ภาพตัวอย่างสินค้าที่ผลิตแล้วสำหรับแต่ละประเภทสินค้าที่จะจดเลย ซึ่งพอไม่สามารถแสดงข้อมูลหลักฐานได้ จะกลายเป็นต้องแก้ไขคำขอ หรือ ต้องยื่นใหม่ทั้งหมดเลย ทำให้เสียทั้งเงิน และเวลาโดยใช่เหตุ
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการมีสินค้า/บริการที่ดำเนินการอยู่จริงหลายชนิด และพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนเห็นว่าเหมาะสม การจดคุ้มครองประเภทสินค้าที่ครบถ้วนตามการประกอบการจริงก็ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อปกป้องแบรนด์ในระยะยาวที่เหมาะสมเช่นกัน
ประเด็นที่ 2 : การออกแบบโลโก้คล้ายของคนอื่น = เสี่ยงมีประเด็น
ปกติแล้ว หาก แบรนด์ A ทำเสื้อยืด จดคุ้มครองเสื้อยืดซึ่งได้รับการคุ้มครองเรียบร้อยแล้ว ต่อมามี แบรนด์ ABC ซึ่งมีลักษณะการออกแบบโลโก้คล้ายคลึงกับ แบรนด์ A มาขอจดกางเกงยีนส์ภายหลัง ขณะที่ แบรนด์ A ยังไม่ได้จดคุ้มครอง กางเกงยีนส์ ก็ตาม
เจ้าหน้าที่ก็ยังคงมีแนวโน้ม ที่จะปฏิเสธ แบรนด์ ABC อยู่ดี ด้วยเหตุผลที่ว่ามีความเหมือนคล้าย และอาจทำให้เข้าใจผิดได้ เนื่องจากมีกลุ่มสินค้าที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
แต่ผู้ประกอบการต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า แบรนด์ A ยังไม่ได้รับการคุ้มครองเรื่อง กางเกงยีนส์ ทางกฎหมายอยู่ดี ถึงแม้ว่า เจ้าหน้าที่จะทำการปฏิเสธแบรนด์ ABC
เพราะว่า ถ้าแบรนด์ ABC ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับ โต๊ะ เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ โอกาสที่จะจดผ่านก็มีเช่นกัน เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางแบรนด์ A ที่จำหน่ายเสื้อยืดเป็นหลัก (แต่ถ้าหน้าตาโลโก้คล้ายกันมากเกินไปโดยมีนัยยะสำคัญ ก็อาจจะโดนปฏิเสธอยู่ดี)
หลายครั้งที่ผู้ประกอบการมีการออกแบบดีไซน์ เครื่องหมายการค้า ที่ทำให้มีประเด็นปัญหาในการพิจารณา โดยเฉพาะประเด็นการเหมือนคล้ายกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชื่อ หรือ สัญลักษณ์โลโก้ ไม่ว่าจะโดนตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจก็ตาม ทั้งนี้ผู้ประกอบการก็ยังมีสิทธิ์ที่จะยืนยืนที่จะยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพียงแต่ว่าหากได้รับการปฏิเสธจากทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ค่าธรรมเนียม/ค่าบริการใดใด ก็จะเสียเปล่าโดยไม่สามารถขอคืนได้
ดังนั้นทีมงานจึงมีการตรวจสอบความเหมือนคล้ายเบื้องต้น และอย่างละเอียดในกระบวนการให้ก่อนที่จะยื่นจดเพื่อลดปัญหาเหล่านี้ให้น้อยลงที่สุดเท่าที่ทำได้ และยังคงเป็นผู้ประกอบการเองที่จะเป็นผู้ตัดสินใจจากข้อมูล และความเสี่ยงที่ทีมงานชี้แจงให้เรียบร้อยแล้ว
วิธีการที่ดีที่สุด คือ การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร และไม่มีประเด็นความเสี่ยงที่เห็นได้ชัด เพื่อทำให้ระยะเวลาในการพิจารณาคุ้มครองมีผลโดยเร็วที่สุด และประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด
ประเด็นที่ 3 : การสละสิทธิ์ = ไม่ยึดของ "สาธารณะ" เป็นของตัวเอง
ชื่อของแบรนด์ สัญลักษณ์ โลโก้ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนจดจำได้ แต่ว่าการนำ "คำสามัญ" , "คำสาธารณะ" , "คำทั่วไป" , "สัญลักษณ์สากล" มาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่สามารถทำได้ (จะใช้เป็นชื่อแบรนด์ทางการตลาดก็ได้ แต่เอามาจดคุ้มครองไม่ได้)
ยกตัวอย่างเช่น ชื่อสี ชื่อตัวอักษร คำที่เกี่ยวข้องกับประเทศ สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ สัญลักษณ์สากลทั่วไป หรือ แม้แต่ประโยค และวลี ที่ใช้กันโดยทั่วไป เช่น สำนวนสุภาษิต
ยกเว้น คำสามัญนั่นถูกนำมาใช้กับประเภทสินค้า/บริการ ที่ไม่มีความหมาย ทางตรง ทางอ้อม มีความเกี่ยวข้อง หรือ แสดงถึงสรรพคุณใดใดเลย อาจจะมีสิทธิ์จดใช้ได้ เช่น เครื่องหมายการค้าสำหรับ อุปกรณ์ IT ชื่อว่า APPLE / เครื่องครัว ตรา ม้าลาย / ยาสีฟัน ตรา ดอกบัวคู่ เป็นต้น
ซึ่งจริงๆ ยังมีของยกเว้น หรือ ข้อจำกัดอีกหลายประการตามกฎหมาย ซึ่งหากเรามีการปรับปรุงแก้ไขคำขอก็จะสามารถจดได้ตามปกติ
ประเด็นที่ 4 : กฎหมายเปลี่ยน เคสคล้ายกันของใหม่ ก็อาจจดไม่ได้แล้ว
กฎหมายมีการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดปัญหา หรือ ข้อพิพาทต่างๆ รวมถึงความชัดเจนในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น
บางครั้งเราจึงอาจเห็นเคสบางเคสที่ดูมีประเด็นคล้ายคลึงกับเคสของตัวเราเอง แต่ว่าเรากลับจดไม่ได้ เพราะว่ากฎหมาย หรือ ข้อบังคับ ณ ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว
คำถามที่พบบ่อย
• ใช้ชื่อหรือผสมคำขึ้นมาใหม่ให้แตกต่างมีเอกลักษณ์ โดยไม่สื่อถึงสินค้าหรือบริการตรงๆ
• ออกแบบโลโก้ ที่มีการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ไม่ซ้ำหรือคล้ายกับผู้อื่น
• ไม่เหมือนหรือคล้ายกับ ตรา / ธง/ เครื่องหมาย/ สัญลักษณ์ประจำชาติ ,จังหวัด, รัฐ , ราชการ , รัฐบาล ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึง ข้อความ หรือเครื่องหมายอื่นใดอันแสดงถึงพระมหากษัตรย์ พระราชินี และพระราชวงศ์
เครื่องหมายการค้า( Trademark ) คือ โลโก้ แบรนด์ หรือ ยี่ห้อ ในภาษาพูดที่เราเรียกกันติดปากนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเวลาเราพูดถึงโลโก้จะมักสื่อถึงภาพ เช่น ภาพเครื่องหมายติ๊กถูก
แต่แบรนด์ หรือยี่ห้อ มักจะสื่อถึงเสียงที่เรียก เช่น ไนกี้ (Nike)
ดังนั้นคำทางการเวลาเวลาภาพเครื่องหมายติ๊กถูก + ไนกี้ (Nike) ทั้งสองอย่ารวมกันทั้งก้อนนี้ เรียกว่า เครื่องหมายการค้า ( Trademark )
1. เครื่องหมายการค้า ( Trademark ) คือเครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายเกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น เช่น บรีส มาม่า กระทิงแดง เป็นต้น
2. เครื่องหมายบริการ ( Service Mark ) คือ เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับบริการ เพื่อแสดงว่าบริการที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมาย บริการของบุคคลอื่น เช่น เครื่องหมายของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม เป็นต้น
3. เครื่องหมายรับรอง ( Certification Mark ) คือ เครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับ สินค้าและบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้า หรือบริการนั้น เช่น เชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรำ ฮาลาล (Halal) เป็นต้น
4. เครื่องหมายร่วม ( Collective Mark ) คือ เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่ม เดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน เช่น ตราช้างของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด เป็นต้น
เครื่องหมายการค้า ( Trademark ) หรือ โลโก้ ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน จะฟ้องคดีเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ หรือเรียกค่าเสียหายไม่ได้
เครื่องหมายการค้าเป็นสิ่งสำคัญของการเริ่มต้นทำธุรกิจ สร้างแบรนด์ สร้างมูลค่าและความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าและธุรกิจอย่างมาก นอกจากนี้หากบุคคลอื่นนำเครื่องหมายการค้าของคุณไปจดทะเบียนก่อน เราอาจจะโดนฟ้องละเมิดเครื่องหมายการค้าเสียเอง
หากคุณไม่อยากให้ใครมาลอกเลียนแบบ และฉวยโอกาสนี้ในการทำประโยชน์จากคุณ รีบจดเครื่องหมายการค้ากับ THAITAXLAW ตอนนี้เลย!
โดยปกติ การพิจารณาเครื่องหมายการค้าเบื้องจะใช้เวลาประมาณ 6-15 เดือน นายทะเบียนจึงจะอนุมัติให้รับจดทะเบียนได้ หลังจากนั้นจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 2 เดือน ในการประกาศโฆษณา หากไม่มีใครคัดค้าน อีก 2 เดือนถัดมา กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะส่งหนังสือสำคัญ(Certificate)ไปให้
เมื่อจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและบริการอย่างถูกต้อง จะได้รับการคุ้มครองถึง 10 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุทุกๆ 10 ปี โดยการยื่นคำร้องต่ออายุภายใน 90 วันก่อนวันหมดอายุ
• พิจารณาเสียง และสำเนียงเรียกขานของเครื่องหมายการค้า
• พิจารณาการวางรูปลักษณะของคำ ของตัวอักษร จำนวนตัวอักษร หรือการประดิษฐ์ตัวอักษร
• พิจารณาจากความเหมือน หรือคล้ายในรูปเครื่องหมายการค้า
• พิจารณาจากลักษณะการวางรูปรอยประดิษฐ์
• พิจารณาจากสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นๆ
• พิจารณาจากการใช้เครื่องหมายกาค้ากับตัวสินค้า
• พิจารณาจากเจตนาของผู้ยื่นขอจดทะเบียน
การนำคำสามัญมาใช้กับสินค้า/บริการที่มักจะใช้คำที่ตรงตัวเรียกตัวสินค้าเอง หรือสื่อความหมายได้นั้น จะมีโอกาสสูงที่จะไม่ได้รับจดทะเบียนเพราะไม่ถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะ
เช่น หากนำคำสามัญสำหรับสินค้าบางประเภท ยกตัวอย่างภาพ/คำว่า "กล้วย" ซึ่งหากใช้กับสินค้าหมวดหมูผลไม้จะถือว่าเป็นคำสามัญ แต่เมื่อไปใช้กับหมวดหมู่สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นนี้ จะไม่ถือว่าเป็นคำสามัญอันไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะตามความในมาตรา 7 จึงไม่จำเป็นต้องสละสิทธิแต่อย่างใด
แต่ในทางปฏิบัติก็มีการนำคำสามัญมาใช้ได้ โดยให้ผู้ขอจดทะเบียนสละสิทธิที่จะเป็นเจ้าของส่วนหรือคำที่เป็นคำสามัญนั้นแต่เพียงผู้เดียว
หรือ นายทะเบียนเครื่องหมายการค้า มีคำสั่งให้ดำเนินการสละสิทธิคำ ข้อความ สี หรือรูปภาพ นั้น เนื่องจากว่า
1. คำ หรือ ข้อความ เป็นคำสามัญที่ใช้กันโดยทั่วไป หรือเป็นสิ่งสามัญที่ใช้ในการค้าขาย รวมทั้งสื่อถึงตัวสินค้าด้วย
2. สี เป็นกรณีที่ภาพเครื่องหมายการค้านั้น มีสีที่ไปเหมือนกับธงชาติของประเทศหรือสัญลักษณ์อื่นๆ
3. รูปภาพ เป็นกรณีที่รูปภาพนั้นสื่อถึงสินค้าโดยตรง
ซึ่ง "การสละสิทธิ์" ไม่ได้แปลว่าเครื่องหมายการค้าของเราจะไม่ได้รับการจดทะเบียน ยังคงสามารถนำมาจดได้ แต่ไม่สามารถถือเป็นสิทธิ์ของตนแต่เพียงผู้เดียว หรือผูกขาดการใช้ได้
การจดลิขสิทธิ์ เป็นกฎหมายไว้คุ้มครองงานสร้างสรรค์ที่มีลักษณะเป็นงานศิลปะ วรรณกรรม งานถ่ายภาพ งานแพร่ภาพกระจายเสียง หรืองานทางด้านศิลปะอื่นๆ
แต่หากคุณมีโลโก้หรือแบรนด์ ที่ตั้งใจจะใช้เป็นเครื่องหมายสำหรับการค้าขายสินค้า/บริการ คุณควรที่จะต้องจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า เพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย และป้องกันไม่ให้คนมาเลียนแบบได้
ซึ่งการจดเครื่องหมายการค้า ยึดหลักที่ว่าใครจดทะเบียนก่อนก็ได้มีสิทธิ์ก่อน คนที่มาทีหลังก็จะไม่สามารถจดทะเบียนซ้ำเดิมกับที่เราจดไปแล้วได้
การรอรับผลการพิจารณาจากนายทะเบียนกรมทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจะมีระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน และมีโอกาสที่จะไม่ได้รับจดทะเบียนอีกด้วยหากผู้ยื่นจดไม่มีความเชี่ยวชาญ THAITAXLAW จึงอำนวยความสะดวกในการให้บริการตรวจสอบความเหมือนคล้ายให้ก่อนการยื่นจด พร้อมคำแนะนำในการก้ไขเบื้องต้นฟรี หากพบว่ามีการซ้ำหรือคล้ายกับผู้อื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจดผ่านให้สูงกว่า 90% อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาอาจมีข้อแก้ไขประการใดประการหนึ่ง โดยต้องแก้ไขให้เป็นไปตามหลักกฎหมายกำหนด ทาง THAITAXLAW ก็จะเป็นผู้ช่วยดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย พร้อมทั้งติดตามผลการพิจารณาและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ลูกค้าจนจบกระบวนการยื่นจดทะเบียน
สามารถเป็นเจ้าของสิทธิเครื่องหมายการค้านั้นๆ ร่วมกันได้หลายคน เช่น
• บุคคลธรรมดา+บุคคลธรรมดา หรือ
• บุคคลธรรมดา+นิติบุคคล หรือ
• นิติบุคคล+นิติบุคคล
สัญลักษณ์ ® สามารถใส่ได้ในรูปเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วเท่านั้น
สัญลักษณ์ TM. สามารถใส่ได้ในรูปเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้แล้วและที่ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า