เครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้รับจดทะเบียน
เมื่อพิจารณาลักษณะบ่งเฉพาะแล้ว ลำดับต่อมาคือการพิจารณาลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลดังนั้นจึงต้องใช้อย่างเคร่งครัด โดยเครื่องหมายการค้าที่มีหรือประกอบด้วยลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตาม (1)- (13) ถือเป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้รับจดทะเบียน ซึ่งมีบางเป็นบทต้องห้ามเด็ดขาด บางเป็นบทต้องห้ามที่มีเงื่อนไข
สำหรับการปฏิเสธตามมาตรา 17 จะไม่นำมาใช้กับมาตรา 8 เนื่องจากมาตรา 17 ใช้เฉพาะกรณีเครื่องหมายการค้านั้นมีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนได้ตามมาตรา 6 แต่มีบางส่วนของเครื่องหมายเป็นสิ่งสามัญในการค้าขายหรือมีลักษณะไม่บ่งเฉพาะ ซึ่งเป็นดุลพินิจของนายทะเบียนที่ จะสั่งให้แสดงปฏิเสธตามมาตรา 17 หรือสั่งไม่รับจดทะเบียนตามมาตรา 7 แต่กรณีเครื่องหมายที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8 จะมีผลให้เครื่องหมายการค้านั้นไม่มีลักษณะอันพึ่งรับจดทะเบียนได้ตามมาตรา 6 นายทะเบียนจึงไม่จำต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามมาตรา 17 เพราะไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นโดยสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนแสดงปฏิเสธในส่วนประกอบของเครื่องหมายที่มีลักษณะต้องห้ามรับจดทะเบียนกำหนดไว้ ดังนั้น เมื่อเครื่องหมายมีลักษณะต้องห้าม นายทะเบียนจะสั่งให้ผู้ขอแสดงปฏิเสธภาคส่วนนั้นไม่ได้
มาตรา 8 (1)
ตราแผ่นดิน พระราชลัญจกร ลัญจกรในราชการ ตราจักรี ตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตราประจำตำแหน่ง ตราประจำกระทรวง ทบวง กรม หรือตราประจำจังหวัด
ตราแผ่นดิน หมายถึง ตราประจำประเทศ
พระราชสัญจกร หมายถึง ตราประจำพระองค์ของพระมหากษัตริย์ทรงใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธย และประทับกำกับเอกสารสำคัญที่ออกในพระปรมาภิไธย
ตราเครื่องราชอิสริยากรณ์
ตราจักรี หมายถึง ตราราชวงศ์จักรี
ตราประจำตำแหน่ง
ตราประจำกระทรวง
ตราประจำจังหวัด
มาตรา 8 (2)
ธงชาติของประเทศไทย ธงพระอิสริยยศ หรือธงราชการ
ธงชาติของประเทศไทย หมายถึง ธงชาติของประเทศไทยยุคสมัยต่าง ๆ
ธงราชการ หมายถึง ธงที่ใช้ในราชการต่าง ๆ เช่น ธงลูกเสือ ธงประจำกรม กองต่าง ๆ ธงประจำจังหวัด ธงประจำกองทัพ
ธงพระอิริยยศ หมายถึง ธงมหาราช ธงราชินี ธงเยาวราช ธงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
มาตรา 8 (3)
พระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย พระปรมาภิไธยย่อ พระนามาภิไธยย่อ หรือ นามพระราชวงศ์ หมายถึง พระนาม พระนามย่อของพระเจ้าแผ่นดิน พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์
มาตรา 8 (4)
พระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท
หมายถึง รูปถ่าย หรือรูปวาดของพระเจ้าแผ่นดิน พระราชินี หรือรัชทายาท ทั้งนี้ให้พิจารณาจากราชวงศ์ไทย
มาตรา 8 (5)
ชื่อ คำ ข้อความ หรือเครื่องหมายใด อันแสดงถึงพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือพระราชวงศ์
ทั้งนี้ ให้พิจารณาจากราชวงศ์ของประเทศไทยโดยเคร่งครัด แม้จะได้รับพระราชทานชื่อก็ต้องห้ามตามมาตรานี้ เช่น คำว่า ในหลวง พระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวง ร.๙ ร.๑๐ หรือ ...เพื่อพ่อ รวมถึงชื่อพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ด้วย เช่น โครงการเศรษฐกิจพอเพียง โครงการแก้มลิง โครงการชั่งหัวมัน
มาตรา 8 (6)
ธงชาติหรือเครื่องหมายประจำชาติของรัฐต่างประเทศ ธงหรือเครื่องหมายขององค์การระหว่างประเทศ ตราประจำประมุขของรัฐต่างประเทศ เครื่องหมายราชการและเครื่องหมายควบคุมและรับรองคุณภาพสินค้าของรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ หรือชื่อและชื่อย่อของรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ เว้นแต่ จะได้รับอนุญาตจากผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ของรัฐต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศนั้น แยกพิจารณาดังนี้
1) ธงชาติหรือเครื่องหมาย
(1) ธงชาติของรัฐต่างประเทศ หมายถึง ธงชาติของประเทศต่าง ๆ เช่น
(2) เครื่องหมายประจำชาติของรัฐต่างประเทศ หมายถึง เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศต่าง ๆ เช่น
(2) เครื่องหมายประจำชาติของรัฐต่างประเทศ หมายถึง เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศต่าง ๆ เช่น
(3) ธงหรือเครื่องหมายขององค์การระหว่างประเทศ หมายถึง ธงหรือเครื่องหมายขององค์การระหว่างประเทศที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เช่น เครื่องหมายที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเครื่องหมายองค์การการค้าโลก
แนวทางการพิจารณา
พิจารณาจากรูปเครื่องหมาย หากเห็นว่ามีลักษณะเป็นรูปธง หรือแถบสีที่เป็นแถบสีของธงชาติ ให้มีคำสั่งตามมาตรา 8 (6) ประกอบมาตรา 16 โดยไม่ต้องระบุเงื่อนไขในคำสั่งว่า สามารถแก้ไขรูปเครื่องหมายเพื่อให้ไม่เป็นเครื่องหมายต้องห้ามรับจดทะเบียน แต่หากผู้ขอประสงค์จะแก้ไขรูปเครื่องหมายโดยตัดภาคส่วนที่มีลักษณะต้องห้ามออก ให้ยื่นแบบ ก.06 แก้ไขรูปเครื่องหมาย พร้อมแบบ ก.20 ชี้แจงเพื่อให้ไม่เป็นเครื่องหมายต้องห้ามรับจดทะเบียนตามมาตรา 8
ตัวอย่าง ลักษณะรูปธงในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีลักษณะต้องห้าม
2) ชื่อและชื่อย่อของรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
(1) ชื่อของรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
(2) ชื่อย่อของรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ เช่น USA/US/U.S./UK/U.K. แต่ไม่รวมอักษรย่อที่ประชาชนทั่วไปใช้ เช่น CN, KR, JP, FR, NZ, CA
3) เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ของรัฐต่างประเทศหรือองค์การ
ระหว่างประเทศนั้น
เครื่องหมายที่ต้องห้ามมิให้รับจดทะเบียนตามมาตรา 8 (6) มิได้เป็นบทบัญญัติบังคับห้ามโดยเด็ดขาด กล่าวคือ หากได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อรัฐต่างประเทศ ธงชาติหรือเครื่องหมายประจำชาติของรัฐต่างประเทศธงหรือเครื่องหมายขององค์การระหว่างประเทศนั้นจากผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ของรัฐต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศซึ่งเป็นเจ้าของชื่อนั้น
1) กรณี “ผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ” หมายถึง ต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ เช่น สถานทูตที่ประจำ ณ ประเทศไทย สถานกงสุล สำนักงานหรือหน่วยงานด้านการพาณิชย์ของประเทศนั้น เป็นต้น
หนังสืออนุญาตอย่างน้อยต้องมีข้อความในลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) “ผู้อนุญาตเป็นหน่วยงานราชการของรัฐบาล และมีอำนาจในการอนุญาตให้บุคคลใดนำชื่อประเทศ/ธง/สัญสักษณ์ของตนไปจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า” และ “อนุญาตให้บริษัท...นำคำว่า JAPAN มาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า” หรือ ข้อความอื่นในลักษณะเดียวกันระบุไว้ หรือ
(2) ข้อความรับรองการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ เช่น สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล สำนักงานหรือหน่วยงานของรัฐนั้น
2) กรณี “ผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ” หมายถึง ประธานผู้อำนวยการ หรือ ผู้ที่ประธานหรือผู้อำนวยการมอบหมาย เช่น ผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เป็นต้น
หนังสืออนุญาตอย่างน้อยต้องมีข้อความในลักษณะ ตังต่อไปนี้
(1) “ผู้อนุญาตเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศและมีอำนาจในการอนุญาตให้บุคคลใดนำเครื่องหมายขององค์การระหว่างประเทศของตนไปจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า” และ “อนุญาตให้บริษัท … นำคำว่า ... มาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า” หรือ ข้อความอื่นในลักษณะเดียวกันระบุไว้ หรือ
(2) ข้อความรับรองการได้รับอนุญาตจากผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศเช่น ผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก เป็นต้น
ตัวอย่าง กรณีเป็นผู้มีอำนาจ
ตัวอย่าง กรณีเป็นผู้ไม่มีอำนาจ
แนวทางการพิจารณา
1) เครื่องหมายที่ประกอบด้วยชื่อรัฐต่างประเทศ หมายความรวมถึงส่วนหนึ่งของชื่อทางราชการของรัฐต่างประเทศด้วย ตัวอย่าง คำว่า “INDIA” ที่ออกเสียงได้ว่า อินเดีย มีความหมายสื่อว่าเป็นชื่อของประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย หรือ Republic of India แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของชื่อทางราชการของประเทศอินเดีย แต่สาธารณชนทั่วไปรับรู้และเข้าใจ ทั้งเป็นที่นิยมเรียกกันว่าประเทศอินเดีย หรือ INDIA คำว่า “INDIA” จึงเป็นชื่อของรัฐต่างประเทศ
2) เครื่องหมายที่ประกอบด้วยชื่อรัฐต่างประเทศ ให้มีคำสั่งตามมาตรา 8 (6) และมาตรา 7 วรรคสอง (2)
ตัวอย่าง เครื่องหมายที่ปฏิเสธการรับจดทะเบียนคำว่า
“SINGAPORE” แปลว่า สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งเป็นชื่อของรัฐต่างประเทศ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ขอได้รับอนุญาตจากผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ของประเทศสิงคโปร์ให้นำคำว่า “SINGAPORE” มาใช้เป็นชื่อทางการค้า จึงต้องห้ามมิให้รับจดทะเบียนตาม มาตรา 8 (6) (ฎ.9971/2558 SINGAPOREAIR)
3) เครื่องหมายที่ประกอบด้วยคำแสดงที่มาของสินค้า เช่น From China, Made in Japan ไม่ถือว่าเป็นเครื่องหมายที่มีหรือประกอบด้วยชื่อของรัฐต่างประเทศตามมาตรา 8 (6) แต่หากพิจารณาแล้วปรากฏว่าคำแสดงที่มาของสินค้าไม่ตรงกับถิ่นที่อยู่ของผู้ขอ เช่น ผู้ขอมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย แต่ใช้คำว่า Made in USA ให้ถือว่าเป็นเครื่องหมายที่มีหรือประกอบด้วย คำบรรยายที่ทำให้สับสนในแหล่งกำเนิดของสินค้าตาม มาตรา 8 (13) เว้นแต่ ผู้ขอจะส่งหลักฐานยืนยันแหล่งที่มาของสินค้าที่ปรากฏในเครื่องหมาย จึงสั่งให้สละสิทธิ คำดังกล่าวได้
หมายเหตุ
1) มาตรา 6 ตรี (Article 6ter)ของอนุสัญญากรุงปารีสว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินอุตสาหกรรม (Paris Convention for Protection of Industrial Property : Paris Convention) กำหนดให้มีการแจ้ง ขอรับความคุ้มครอง สัญลักษณ์ เครื่องหมาย เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองในประเทศที่เป็นภาคีอนุสัญญา กรุงปารีสฯ และภาคีองค์การการค้าโลก โดย Article 6ter ให้ความคุ้มครองแก่
(1) ธงชาติ ได้รับความคุ้มครองโดยไม่ต้องแจ้งขอรับความคุ้มครอง
(2) ตราอาร์ม ตราที่เกี่ยวกับความป็นรัฐ สัญลักษณ์และตรามาตรฐานที่เป็นทางการที่แสดงถึงการควบคุมและการรับประกันซี่งได้ประกาศใช้โดยรัฐนั้น โดยเครื่องหมายเหล่านี้จะต้องมีการแจ้งขอรับความคุ้มครองตาม Article 6ter (3) (a)
(3) เครื่องหมายที่ได้รับการคุ้มครอง Article 6ter แล้ว จะได้รับความคุ้มครองในภาคีอนุสัญญากรุงปารีสฯ และภาคีองค์การการค้าโลก ประเทศภาคีฯ จะต้องไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายดังกล่าว
2) สามารถดูรูปธงและตราสัญลักษณ์ ชื่อย่อขององค์กรระหว่างประเทศ ที่ต้องห้ามไม่สามารถรับจดทะเบียนได้เพิ่มเติมได้ที่ https://www3.wipo.int/branddb/en/
(1) เลือก Filter by WO 6TER
(2) เลือก Filter จะปรากฏรูปทั้งหมด โดยสามารถเลือกแยกตามประเทศได้
มาตรา 8 (7)
เครื่องหมายราชการ เครื่องหมายกาชาด นามกาชาด หรือกาเจนีวา
1) เครื่องหมายราชการ หมายถึง ตราที่ใช้ในราชการซึ่งมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นเครื่องหมายราชการ
2) เครื่องหมายกาชาด หมายถึง กากบาทสีแดงบนพื้นสีขาว ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ใข้แสดงสำหรับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณะสุขของสภากาชาด หรือกาชาดระหว่างประเทศ
2) เครื่องหมายกาชาด หมายถึง กากบาทสีแดงบนพื้นสีขาว ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ใข้แสดงสำหรับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณะสุขของสภากาชาด หรือกาชาดระหว่างประเทศ
3) นามกาชาด หมายถึง คำ “กาชาด” หรือ “กาเจนีวา”และให้รวมถึงคำว่า “กากบาทแดง” “ซีกวงเดือนแดง” “สิงห์โตแดงและดวงอาทิตย์” (พระราชบัญญัติกาชาด พ.ศ. 2499)
แนวทางการพิจารณา
พิจารณาจากลักษณะและสีของเครื่องหมาย ดังนี้
กรณีที่ 1 กากบาทสีแดงบนพื้นขาว ให้มีคำสั่งมาตรา 8 (7) เครื่องหมายกาชาด
กรณีที่ 2 กากบาทสีขาวบนพื้นแดง ให้มีคำสั่งมาตรา 8 (7) เครื่องหมายกาชาด
ประกอบมาตรา 8 (1 1) และคล้ายกับธงชาติประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มาตรา 8 (6) ประกอบ มาตรา 8 (11)
กรณีที่ 3 กากบาทสีเขียวบนพื้นขาว หรือสีขาวบนพื้นเขียว หมายถึง เครื่องหมายแสดงความปลอภัย, ทางการแพทย์ ให้มีคำสั่งมาตรา 7 วรรคแรก สัญลักษณ์ที่ทุกคนใช้ร่วมกัน
กรณีที่ 4 กรณีกากบาทสีขาว-ดำ หรือ สีอื่น ๆ เช่น ให้พิจารณาจากลักษณะการจัดวางในเครื่องหมาย เป็นกรณี ๆ ที่กล่าวไว้ในมาตรา 7
มาตรา 8 (8)
เครื่องหมายที่เหมือนหรือคล้ายเหรียญ ใบสำคัญ หนังสือรับรอง
ประกาศนียบัตร
เครื่องหมายอื่นใด อันได้รับเป็นรางวัลในการแสดงหรือประกวดสินค้าที่รัฐบาลไทย ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐของประเทศไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศได้จัดให้มีขึ้น เว้นแต่ผู้ขอจดทะเบียนจะได้รับเหรียญ ใบสำคัญ หนังสือรับรอง ประกาศนียบัตร หรือ
เครื่องหมายเช่นว่านั้น เป็นรางวัลสำหรับสินค้านั้นและใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้านั้น แต่ทั้งนี้ ต้องระบุปีปฏิทินที่ได้รับรางวัลด้วย
แนวทางการพิจารณา
1) พิจารณาจากรูปเครื่องหมาย หากเห็นว่ามีลักษณะเหมือนหรือคล้ายเหรียญ ใบสำคัญ หนังสือรับรอง ประกาศนียบัตร หรือ เครื่องหมายอื่นใด ให้มีคำสั่งตามมาตรา 8 (8) ประกอบมาตรา 16 โดยไม่ต้องระบุเงื่อนไขในคำสั่งว่าสามารถแก้ไขรูปเครื่องหมายเพื่อให้ไม่เป็นเครื่องหมายต้องห้ามรับจดทะเบียน แต่หากผู้ขอประสงค์จะแก้ไขรูปเครื่องหมายโดยตัดภาคส่วนที่มีลักษณะต้องห้ามออก ให้ยื่นแบบ ก.06 แก้ไขรูปเครื่องหมาย พร้อมแบบ ก.20 ชี้แจงเหตุผลในการขอแก้ไขเครื่องหมาย
2) คำว่า “ทั้งนี้ ต้องระบุปีปฏิทินที่ได้รับรางวัลด้วย” มีความหมายว่า ต้องระบุปีปฏิทินในเครื่องหมาย
3) ต้องเป็นรางวัลในการแสดงหรือการประกวดสินค้าที่รัฐบาลไทย ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐของประเทศไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศได้จัดให้มีขึ้น ถึงจะพิจารณาตามมาตรา 8 (8) แต่ไม่รวมถึงรางวัลในการแสดงหรือการประกวดสินค้าที่เอกชนจัดขึ้น
ตัวอย่าง
มาตรา 8 (9)
เครื่องหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือ
รัฐประศาสโนบาย
อนุมาตรานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันหรือไม่ต้องการให้นำสิ่งที่เป็นของส่วนรวมหรือสิ่งที่อาจจะกระทบต่อส่วนรวมมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้า ซึ่งอนุมาตรานี้เป็นบทบัญญัติที่กว้าง คือ หากไม่เข้าอนุมาตราอื่นก็จะใช้อนุมาตรานี้ ทั้งนี้ ยังไม่มีบทบัญญัติกฎหมายที่ให้นิยามของในเรื่องเหล่านี้อย่างชัดเจนจึงเป็นหลักการให้พิจารณา โดยมีตัวอย่างคำอธิบาย เช่น
คำว่า “รัฐประศาสโนบาย” มาจากคำว่า “Public policy” ซึ่งหมายถึง นโยบายของรัฐจะใช้เมื่อเป็นกรณีที่มีความโน้มเอียงที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชน เป็นภัยต่อผลประโยชน์ของประเทศก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนหรือประเทศโดยที่กฎหมายปฏิเสธบังคับหรือรับรู้ และให้รวมถึงพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตในการจดทะเบียนที่ไม่เข้าอนุมาตราอื่นด้วย
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ 2554 ระบุว่า “รัฐประศาสโนบาย” คือ วิธีการปกครองบ้านเมือง ดังนั้นรัฐผู้ใช้อำนาจปกครองจึงควรวางรัฐประศาสโนบายหรือนโยบายแห่งรัฐเพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวม ภายใต้แนวคิดที่ว่าประชาชนได้ประโยชน์และความยุติธรรมในชีวิตโดยเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นแนวทางให้รัฐดำเนินการตรากฏหมายและกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน
ส่วนคำว่า “ความสงบเรียบร้อยของประชาชน” ถือเป็นข้อห้ามซึ่งสังคมบังคับแก่เอกชนเป็นการแสดงว่าสังคมย่อมอยู่เหนือเอกชน เพื่อให้สังคมอยู่ได้ และความสงบเรียบร้อยจะต้องเป็นความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่ใช่เรื่องของเอกชนหมู่ใดหมู่หนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นสิ่งที่สังคมประสงค์จะให้มีเพื่อความคงอยู่ของสังคมและความสงบสุขของผู้ที่อยู่ร่วมกันในสังคม หรืออาจกล่าวไต้ว่าความสงบเรียบร้อยของประชาชนมีความมุ่งหมายที่จะใช้กับกรณีมื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของสังคมขัดกับผลประโยชน์ของส่วนตัว ผลประโยชน์ของส่วนรวมย่อมมีความสำคัญกว่าและการใดที่ขัดกับความประสงค์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ได้อธิบายหลักการของความสงบเรียบร้อยของประชาชน (Public order) ว่าเป็นกฎเกณฑ์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย มุ่งคุ้มครองการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมหรือในประเทศชาติ เพื่อให้เกิดความมั่นคง (Security) ความสงบสุข (Tranquility) สันติภาพ (Peace) และสุขภาวะ (Public Health) ร่วมกันของคนในสังคมการกระทำใดที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคง ความไม่สงบสุขความวุ่นวายหรือบ่อนทำลายสุขภาวะอันจะมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม
สำหรับคำว่า “ศีลธรรมอันดีของประชาชน” นั้น ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2554 ระบุว่า “ศีลธรรม” คือ ความประพฤติที่ดีที่ชอบ ดังนั้น จึงอาจหมายความถึงความสามารถทางสติปัญญาในการแสดงออกของพฤติกรรมว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดควรหรือไม่ควร หรือความรู้ผิดชอบชั่วดีเมื่อมีความชัดแย้งดังกล่าวขึ้นก็ใช้เหตุผลทางศีลธรรมมาใช้ในการตัดสิน ศีลธรรมจึงเป็นความรู้สึกภายในใจของบุคคลทั่วไปว่าการกระทำนั้นผิดหรือถูกอย่างไร หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการรับรู้ (Common sense) ของบุคคลทั่วไป คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย อธิบายหลักการของ ศีลธรรมอันดีของประชาชน (Good morals) ว่าเป็นกฎเกณฑ์ที่คนในสังคมส่วนใหญ่ถือปฏิบัติตามความเชื่อ ตามประเพณี หรือศาสนา และถือว่าเป็นเครื่องวินิจฉัยความประพฤติว่าถูกต้องหรือไม่ ปกติการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนย่อมทำให้นิติกรรมเสียไป แต่การกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนจะเป็นความผิดอาญาก็ต่อเมื่อการกระทำนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงและกระทบต่อการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมอันอาจทำให้เกิดความไม่มั่นคง ความไม่สงบสุข ความวุ่นวายในสังคมได้ ศีลธรรมอันตีของประชาชนนี้อาจมีวิวัฒนาการได้ตามยุคสมัยและตามพื้นที่
การพิจารณาตามอนุมาตรานี้ แบ่งได้เป็น 2 กรณี
กรณีพิจารณาจากลักษณะที่ปรากฎอยู่ในตัวเครื่องหมาย
มีลักษณะต้องห้ามรับจดทะเบียนตามมาตรา 8 (9) หรือไม่ กรณี คำ ภาพ เสียง ที่เกี่ยวกับสิ่งดังนี้ เช่น
- เกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ภาพที่สื่อถึงสิ่งเสพติด เช่น เฮโรอีน ยาบ้า หรือ ภาพที่สื่อถึงการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น ภาพการทำร้ายร่างกาย ภาพการใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่น ๆที่ผิดกฎหมาย
- เกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อ (ความเชื่อในระดับสากล) เช่น รูปพระพุทธรูป รูปเทพเจ้า รูปอันเป็นที่เคารพบูชาทางศาสนา พระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม บทสวดมนต์ ภาษาบาสีสันสกฤต รูปยันต์ต่าง ๆ เครื่องหมายอุณาโลม ไม้กางเขน สถานที่เกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนา ไม่รวมถึงชื่อตำแหน่งทางศาสนา
- เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง เช่น สัญลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ชื่อองค์การก่อการร้าย นาซี
- การลามกอนาจาร ในเชิงลามกอนาจาร โป๊เปลือยในทางมีเพศสัมพันธ์ หรือยั่วยวน ความไม่สุภาพ
- เครื่องหมายคำที่อาจผวนแล้วมีความหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ก็อาจไม่รับจดทะเบียนตามมาตรา 8 (9) ได้
ตัวอย่าง
กรณีพิจารณาจากพฤติการณ์ในการจดทะเบียน
การพิจารณาพฤติการณ์ของผู้ขอจดทะเบียนในขณะยื่นขอจดทะเบียน พฤติการณ์ที่มีลักษณะต้องห้าม เช่น พฤติการณ์ไม่สุจริต ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยต้องพิจารณาประกอบกับหลักฐานต่าง ๆ จนเป็นที่เชื่อได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนมีเจตนาไม่สุจริต
1) กรณี คำ ภาพ เสียง ที่ถือว่าผู้ขอมีพฤติการณ์ไม่สุจริต
(1) การนำเครื่องหมายเกี่ยวกับสิ่งที่ส่วนรวมมีสิทธิใช้ร่วมกันมาจดทะเบียนเป็นของตนเอง เช่น
- สัญลักษณ์ของประเทศ (Landmark) เช่น รูปสิงโตพ่นน้ำของประเทศ สิงคโปร์ รูปสฟิงค์ของประเทศอียิปต์ รูปเทพีเสรีภาพของประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อเมืองมรดกโลก สิ่งมหัศจรรย์ของโลก รูปอนุสาวรีย์
- สัญลักษณ์หรือยศของทางราชการ สัญลักษณ์ความปลอดภัยทางการแพทย์ยศทางราชการ สัญลักษณ์ทางการแพทย์
ตัวอย่าง
ตัวอย่าง กรณีเครื่องหมายที่ไม่คล้ายกับยศทางราชการ
2) กรณีการนำเครื่องหมายของคนอื่นมาจดทะเบียนเป็นของตน เช่น เครื่องหมายที่มีคำหรือเครื่องหมาย Facebook Line Instragram ประกอบอยู่ด้วย
(1) พิจารณาว่าเครื่องหมายของบุคคลอื่นนั้นได้รับการจดทะเบียนไว้แล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้รับการจดทะเบียน ให้นายทะเบียนพิจารณาตามปกติ
(2) เครื่องหมายของบุคคลอื่นนั้นได้รับการจดทะเบียนไว้แล้ว และข้อเท็จจริงปรากฏต่อนายทะเบียน เช่น พิจารณาคำขอต่อเนื่องกันแล้วพบว่ามีเครื่องหมายที่มีลักษณะเหมือนกัน (บล็อคเดียวกัน) ในจำพวกอื่น ให้นายทะเบียนมีคำสั่งตามมาตรา 8 (9) โดยไม่สั่งมาตรา 8 (13) แต่หากเครื่องหมายแตกต่างเพียงเล็กน้อยไม่ต้องมีคำสั่งตามมาตรา 8 (9)
3) กรณีขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายการนำเอางานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นมาจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของตน การที่บุคคลใดทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นโดยวิธีใด ๆ อันไม่สุจริตและนำไปใช้เป็นเครื่องหมายการค้าของตน ย่อมเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือรัฐประศาสโนบาย จึงต้องห้ามรับจดทะเบียนตามมาตรา 8 (9)
มาตรา 8 (10)
เครื่องหมายที่เหมือนกับเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
เครื่องหมายที่เหมือนกับเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดหรือคล้ายกับเครื่องหมายดังกล่าวจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของ หรือแหล่งกำเนิดของสินค้าไม่ว่าจะได้จดทะเบียนไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม
เป็นบทบัญญัติห้ามนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยเด็ดขาดมิให้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป และห้ามนายทะเบียนโดยเด็ดขาดมิให้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปนั้นจะได้รับจดทะเบียนไว้สำหรับสินค้าจำพวกหรือชนิดใดแล้วหรือไม่
1) พิจารณาจากประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป ลงวันที่ 21 กันยายน 2547 กำหนดว่าการพิจารณาเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปจะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 2 ประการ ดังต่อไปนี้
(1) สินค้าหรือบริการที่ใช้เครื่องหมายนั้นจะต้องมีการจำหน่ายหรือมีการใช้หรือมีการโฆษณา หรือได้มีการใช้เครื่องหมายโดยวิธีใด เช่น ใช้เป็นเครื่องหมายของทีมฟุตบอล เป็นต้น อย่างแพร่หลายตามปกติโดยสุจริต ไม่ว่าจะกระทำโดยเจ้าของหรือผู้แทนหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายนั้น
ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศจนทำให้สาธารณชนทั่วไป หรือสาธารณชนในสาขาที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยรู้จักเป็นอย่างดี
(2) เครื่องหมายนั้นจะต้องมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้บริโภคทั้งนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาเคยออกระเบียบว่าด้วยการแจ้งเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2548 แม้กรมฯ ได้มีประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการแจ้งเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป พ ศ. 2548 ลงวันที่ 9 กันยายน 2558 แล้วก็ตาม แต่ประกาศฯ ยกเลิกระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้นายทะเบียนใช้เครื่องหมายที่ได้รับแจ้งเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาได้
2) แนวทางการพิจารณาเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า ซึ่งกำหนดแนวทางการพิจารณาไว้
แนวทางการพิจารณา
1) กรณีเครื่องหมายที่ยื่นขอจดทะเบียนเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปตามบัญชีการแจ้งเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป พ.ศ. 2548 หรือ บัญชีเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า ให้นายทะเบียนพิจารณาไปตามบัญชีนั้น
2) หากเครื่องหมายที่เหมือนหรือคล้ายกันไม่ใช่เครื่องหมายที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงนั้นแล้ว ให้นายทะเบียนมีคำสั่งพิจารณาตามประกาศกระทรวง และแนวทางการพิจารณาเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า
3) การพิจารณาหลักฐานความแพร่หลายจากคำขออื่น เครื่องหมายและรายการสินค้าต้องมีลักษณะเหมือนกัน จึงจะสามารถอ้างอิงได้
มาตรา 8 (11)
เครื่องหมายที่คล้ายกับ (1)(2)(3)(4)(5)(6) หรือ (7)
มาตรา 8 (12)
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการจดทะเบียนภายใต้กฎหมายไทย การนำชื่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ใด้รับการจดทะเบียนแล้ว มาจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้จึงเป็นเครื่องหมายที่มีลักษณะต้องห้ามมีให้รับจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หมายความว่า ชื่อ สัญลักษณ์ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้เรียกหรือใช้แทนแหล่งภูมิศาสตร์ และที่สามารถบ่งบอกว่าสินค้าที่เกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์ดังกล่าว
ตัวอย่าง
สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว เช่น ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยตุง ไข่เค็มไชยา มะขามหวานเพชรบูรณ์ ข้าวหอมมะสิสุรินทร์ กาแฟตอยช้าง เสื่อจันทบูร ลองกอง ตันหยงมัส มุกภูเก็ต กาแฟตงมะไฟ ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี Champagne Napa Valley Pisco
แนวทางการพิจารณา
1) ชื่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการจดทะเบียนภายใต้กฎหมายไทย หากเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ต่างประเทศที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยให้นายทะเบียนมีคำสั่งตามมาตรา 8 (13) หรือ มาตรา 8 (9) แล้วแต่กรณีโดยไม่สั่งมาตรา 8 (12)
2) ต้องเป็นถ้อยคำหรือข้อความที่เหมือนกับชื่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ทั้งนี้ คำที่ขอจดทะเบียนอาจเป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ด้วย จึงต้องพิจารณามาตรา 7 วรรคสอง (2) ประกอบด้วย
มาตรา 8 (13)
เครื่องหมายอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
แยกพิจารณาได้ดังนี้
ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2543) เรื่อง เครื่องหมายที่ต้องห้ามมิให้รับจดทะเบียน
1) เครื่องหมายที่เหมือนหรือคล้ายกับชื่อเภสัชภัณฑ์สากลที่องค์การอนามัยโลกได้ขึ้นสงวนสิทธิการครอบครองไว้
หมายเหตุ สามารถดูชื่อเภสัชภัณฑ์สากลที่ต้องห้ามไม่สามารถรับจดทะเบียนได้เพิ่มเติมได้ที่ https://www3.wipo.int/branddb/en/
(1) เลือก Filter by WHO INN
(2) เลือก Filter จะปรากฎรายชื่อทั้งหมด โดยให้เลือก Status เป็น Active แล้วเลือก Fiter อีกครั้ง
2) เครื่องหมายและคำบรรยายซึ่งอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดเกี่ยวกับชนิดของสินค้าหรือบริการ หรือสับสนหลงผิดเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดหรือความเป็นเจ้าของสินค้าหรือบริการ แยกพิจารณาได้ 3 กรณี ดังนี้
(1) เครื่องหมายและคำบรรยายอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดเกี่ยวกับ “ชนิด” ของสินค้าหรือบริการ โดยพิจารณาความหมายของคำหรือรูปที่ปรากฏในเครื่องหมายและลักษณะทางกายภาพของสินค้าหรือบริการตามรายการที่ยื่นขอจดทะเบียนไว้ประกอบกันว่าอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในชนิดของสินค้าได้หรือไม่
แนวทางการพิจารณา
กรณี 1 คำขอมีสินค้าหรือบริการหลายจำพวกและหรือหลายรายการ เช่น เครื่องหมายที่มีคำว่า Chocolate ประกอบอยู่ด้วย หากนำมาใช้กับจำพวกที่ 29 สินค้า น้ำมันที่รับประทานได้ และจำพวก 30 สินค้า ช็อกโกแลต ชา กาแฟ หากมีรายการสินค้าใดสินค้าหนึ่งเมื่อพิจารณาถึงเครื่องหมายที่ขอจดทะเบียนแล้วเห็นว่าอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในชนิดของสินค้าได้ ให้ถือว่าเป็นเครื่องหมายต้องห้ามรับจดทะเบียนตามมาตรา 8 (13)
ตัวอย่าง กรณีไม่สับสน
มีลักษณะคล้ายกับรูปรองเท้าแตะก็ตาม แต่เมื่อนำมาใช้สินค้าจำพวกที่ 18 รายการสินค้า กระเป๋าใส่ของ โครงกระเป๋าถือ ฯลฯ ซึ่งเป็นชนิดของสินค้าที่สาธารณชนย่อมสามารถมองเห็นสินค้าแต่ละชนิดได้อย่างชัดเจนจนไม่อาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดเกี่ยวกับชนิดของสินค้
คำว่า mirror แปลว่า กระจกเงา อันเป็นคำบรรยายสินค้าชนิดหนึ่งก็ตาม แต่การที่นำคำที่มีความหมายดังกล่าวมาใช้กับสินค้าจำพวกที่ 12 รายการสินค้า มอเตอร์รถยนต์ ฯลฯ เมื่อ พิจารณาความหมายของคำและลักษณะทางกายภาพของสินค้าตามที่ยื่นขอจดทะเบียนไว้ประกอบกันแล้วย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าลักษณะทางกายภาพของสินค้านั้นเป็นสินค้าที่มีขนาดและรูปร่างของสินค้าแต่ละอย่างที่มองเห็นได้และสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างสินค้ากระจกเงากับสินค้าที่ยื่นขอจดทะเบียนไว้แต่ละอย่างหรือแต่ละชนิดได้อย่างชัดเจน จึงไม่อาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในชนิดของสินค้า
(2) เครื่องหมายและคำบรรยายอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของสินค้าหรือบริการ “แหล่งกำเนิดของสินค้า” นั้น หมายถึง เครื่องหมายหรือคำบรรยายที่สื่อความหมายถึงหรือทำให้เข้ใจว่าเป็นประเทศ เมือง หรือสถานที่อันเป็นแหล่งกำเนิดหรือที่มาของสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวโดยตรงเท่านั้น เช่น From China Made in Japan ให้พิจารณาร่วมกับถิ่นที่อยู่ของผู้ขอ ทั้งนี้ให้พิจารณาจากคำขอจดทะเบียนแบบ ก.01 ของผู้ขอ หากไม่สอดคล้องกันให้นายทะเบียนมีคำสั่งมาตรา 8 (13)
(3) เครื่องหมายและคำบรรยายอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดเกี่ยวกับ “ความเป็นเจ้าของสินค้าหรือบริการ” เช่น กรณีเครื่องหมายมีข้อความแสดงชื่อ บริษัท แนนนี่ คอสเมติกส์ จำกัด หรือมีคำว่า By แนนนี่ แต่ชื่อเจ้าของคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญชัย ให้มีคำสั่ง ตค. 5 ข้อ 7 ให้ส่งหนังสือแสดงความสัมพันธ์ก่อนหากส่งไม่ใด้ ให้มีคำสั่งมาตรา 8 (13)
ประกาศกระทวงพาณิชย์ เรื่อง เครื่องหมายที่ต้องห้ามมิให้รับจดทะเบียน (ฉบับที่2) พ.ศ. 2548
1) เครื่องหมายที่เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทย ได้แก่ ภาพช้างไทยภาพดอกราชพฤกษ์ ภาพศาลาไทย
2) เครื่องหมายที่มีหรือประกอบด้วยลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือคล้ายกับภาพสัญลักษณ์ประจำชาติไทย